ในอดีต ชุมชนไทย โดยเฉพาะในหมู่บ้านชนบทต่างมี “หมอทำศพ” หรือหมอประกอบพิธีกรรมทางศพประจำถิ่น เป็นผู้รู้ที่ช่วยชาวบ้านประกอบพิธีทางจิตวิญญาณ
ส่งดวงวิญญาณผู้ล่วงลับอย่างสงบ และปลอบประโลมญาติพี่น้องในห้วงทุกข์ แต่ปัจจุบัน ชุมชนจำนวนมาก รวมถึงบ้านของเราเอง กำลังเผชิญภาวะ “ไร้ผู้สืบทอด” บุคลากรที่เคยทำหน้าที่นี้ทยอยล้มหาย ด้วยวัยที่ชรา ขาดคนเรียนต่อ และสังคมรุ่นใหม่ที่หันหลังให้ความเชื่อดั้งเดิม
หลายเหตุผลทำให้การสืบทอดวิชานี้ยากขึ้น ทั้งความกลัว ความเข้าใจผิดว่าเป็นของต่ำ ความเชื่อว่าเป็นงานอัปมงคล รวมถึงรายได้ที่ไม่แน่นอน จึงไม่น่าดึงดูดสำหรับลูกหลานในยุคที่เน้นอาชีพมั่นคง อย่างในครอบครัวเรา แม้พ่อจะมีความตั้งใจอยากถ่ายทอดวิชาให้ลูก แต่ก็เข้าใจดีว่าต้องให้เวลาและใจที่เปิดรับ
ในวันที่ชุมชนไม่มีผู้ประกอบพิธี ชาวบ้านอาจต้องพึ่งวัดที่อยู่ไกลออกไป หรือใช้พิธีที่เรียบง่าย ขาดขวัญกำลังใจและรากวัฒนธรรมที่เคยมี เพื่อไม่ให้วิชานี้สูญหาย เราอาจต้องรวมตัวกันในชุมชน จัดเวทีเรียนรู้ เชิญหมอเก่ามาถ่ายทอด สร้างทีมคนรุ่นใหม่ที่สมัครใจ เช่น เยาวชน กลุ่มจิตอาสา หรือพระสงฆ์ที่สนใจ ให้เขาได้เรียนรู้และซึมซับจากการลงมือจริง
การสืบทอดวิชาหมอทำศพจึงไม่ใช่เรื่องของคนคนเดียวอีกต่อไป แต่เป็นภารกิจร่วมของทั้งชุมชน หากเราตระหนักว่านี่คือรากเหง้าและศักดิ์ศรีของชุมชน เราก็ยังมีโอกาสฟื้นฟูและรักษาวิชานี้ไว้ได้ ไม่ใช่เพียงเพื่อคนตาย — แต่เพื่อคนเป็นที่ยังต้องการ “กำลังใจ” ในวันที่สูญเสีย.