บ้านแซะ หมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพและความอบอุ่นในสายสัมพันธ์ระหว่างผู้คน แม้ชุมชนของเราจะมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมที่เข้มแข็งและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่การเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ได้เข้ามากระทบต่อความเป็นอยู่ของผู้คนไม่น้อย หนึ่งในสิ่งที่สะท้อนความเปลี่ยนแปลงนี้ คือการที่ร้านค้าชุมชนซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการจับจ่ายใช้สอยของชาวบ้านได้ปิดตัวลงไปอย่างเงียบ ๆ หลายปีมาแล้ว
วันนี้ ข้าพเจ้าในฐานะคนบ้านแซะผู้หนึ่ง ได้เห็นโอกาสและความจำเป็นที่จะฟื้นฟูร้านค้าชุมชนแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ด้วยแนวคิดใหม่ที่ก้าวทันยุค ทันสมัย และเน้นประโยชน์ร่วมของพี่น้องทุกคนในชุมชน โดยเป้าหมายของการฟื้นฟูร้านค้าครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การมีที่จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเท่านั้น หากแต่คือการสร้างระบบเศรษฐกิจชุมชนแบบยั่งยืน ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการลงทุน ร่วมบริหาร และร่วมรับผลประโยชน์
อดีตของร้านค้าชุมชน: จากจุดเริ่มต้นสู่ความเงียบเหงา
ร้านค้าชุมชนในบ้านแซะเคยเป็นจุดนัดพบสำคัญของคนในหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของใช้ประจำวัน การพูดคุยแลกเปลี่ยนข่าวสาร หรือแม้แต่เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้กับชุมชน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง ความนิยมในการซื้อของจากร้านสะดวกซื้อในตัวเมือง และการบริหารจัดการที่อาจขาดความต่อเนื่อง ทำให้ร้านต้องหยุดดำเนินกิจการลงในที่สุด
แม้ร้านจะปิดตัวไปแล้ว แต่ความทรงจำและความหวังของชาวบ้านยังคงอยู่ และวันนี้เรากำลังจะพาร้านค้าชุมชนกลับมาอีกครั้ง ในรูปแบบใหม่ที่เข้มแข็งกว่าเดิม
แนวคิดใหม่: ร้านค้าสหกรณ์ชุมชน
ร้านค้าชุมชนในรูปแบบใหม่ที่เรากำลังวางแผนจะจัดตั้ง จะดำเนินการในรูปแบบ “ร้านค้าสหกรณ์ชุมชน” โดยมีหลักคิดสำคัญ 3 ประการ:
- สินค้าอุปโภคบริโภคที่ครบถ้วนและราคาถูก – ร้านค้าจะจัดจำหน่ายสินค้าจำเป็นในชีวิตประจำวัน เช่น ข้าวสาร น้ำมันพืช น้ำตาล เครื่องปรุง อาหารแห้ง และของใช้ทั่วไป โดยคัดสรรจากแหล่งที่มีคุณภาพและราคาต่ำกว่าท้องตลาด เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพี่น้องบ้านแซะ
- การร่วมลงทุนและบริหารโดยชุมชน – ร้านค้าจะระดมทุนจากสมาชิกในชุมชนที่สนใจ โดยเปิดให้ชาวบ้านร่วมถือหุ้น มีสิทธิ์ออกเสียงในการบริหาร และได้รับส่วนแบ่งจากกำไรตามสัดส่วนของเงินลงทุน นี่คือการสร้างความเป็นเจ้าของร่วมของทุกคนในชุมชน
- การจัดสรรกำไรกลับคืนสู่ชุมชน – รายได้จากร้านค้าจะถูกนำไปใช้ในสองส่วน คือ จ่ายคืนเป็นเงินปันผลให้กับสมาชิก และอีกส่วนจะนำมาใช้ในการพัฒนาชุมชน เช่น สนับสนุนการศึกษา การกีฬา และกิจกรรมสาธารณะต่าง ๆ
งบประมาณและการวางแผน
การปรับปรุงร้านค้าชุมชนบ้านแซะครั้งนี้ คาดว่าจะใช้งบประมาณประมาณ 600,000 บาท ซึ่งประกอบไปด้วย:
- ค่าปรับปรุงอาคารและสถานที่เดิม เช่น การซ่อมแซมหลังคา ระบบไฟฟ้า ระบบระบายอากาศ และสุขาภิบาล
- ค่าตกแต่งภายใน เช่น ชั้นวางสินค้า เคาน์เตอร์ เครื่องแคชเชียร์ ระบบกล้องวงจรปิด
- ทุนหมุนเวียนในการซื้อสินค้าเข้าร้าน
- ค่าบริหารจัดการในระยะแรก เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าระบบบัญชี
แหล่งเงินทุนที่คาดว่าจะใช้ ประกอบด้วย:
- การระดมทุนจากสมาชิกชุมชน (หุ้น)
- การขอสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
- การยื่นของบจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสหกรณ์
ความคาดหวังและผลดีที่จะเกิดขึ้น
เมื่อร้านค้าสหกรณ์บ้านแซะสามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้สำเร็จ จะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนในหลายมิติ:
- ลดค่าครองชีพของชาวบ้าน สินค้าในร้านจะมีราคายุติธรรม และอาจต่ำกว่าท้องตลาดในบางรายการ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของคนในหมู่บ้านได้
- สร้างรายได้ให้กับชุมชน สมาชิกที่ลงทุนถือหุ้นจะได้รับเงินปันผลทุกปีจากผลกำไร และร้านค้าเองก็สามารถจ้างงานในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น ผู้จัดการร้าน พนักงานขาย คนทำบัญชี ซึ่งล้วนเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่
- เสริมสร้างความสามัคคีและความเป็นเจ้าของร่วม การร่วมมือกันลงทุน บริหาร และใช้บริการร้านค้าเดียวกัน จะช่วยเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างคนในหมู่บ้าน และปลูกฝังแนวคิดของความร่วมมือในระดับรากหญ้า
- พัฒนาทักษะการบริหารของคนในชุมชน การบริหารร้านค้าสหกรณ์จะต้องมีการฝึกอบรมทักษะทางธุรกิจ บัญชี และการบริหารจัดการ ซึ่งจะทำให้คนในชุมชนมีความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดในธุรกิจส่วนตัวได้ในอนาคต
- สร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจชุมชน เมื่อชาวบ้านสามารถจับจ่ายใช้สอยภายในหมู่บ้าน เงินจะหมุนเวียนภายในท้องถิ่นมากขึ้น ลดการรั่วไหลของรายได้ออกไปสู่ภายนอก และเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน
ข้อกังวลและการเตรียมรับมือ
แม้โครงการจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมกับความท้าทาย เช่น
- ความไม่มั่นใจของชาวบ้านในการลงทุน
- ความกังวลเรื่องการบริหารที่โปร่งใส
- การบริหารสินค้าคงคลังและป้องกันการขาดทุน
ข้าพเจ้าเชื่อว่า หากเริ่มต้นด้วยความโปร่งใส เปิดให้ทุกคนมีส่วนร่วม และใช้กลไกการบริหารที่ชัดเจนและตรวจสอบได้ โครงการนี้จะสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในชุมชนได้ในระยะยาว
สรุป
ร้านค้าสหกรณ์ชุมชนบ้านแซะไม่ได้เป็นเพียงแค่ร้านขายของธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ของการกลับมารวมพลังกันอีกครั้งของคนในชุมชน เป็นการตอบโจทย์เศรษฐกิจปากท้อง พร้อมกับสร้างความเข้มแข็งจากภายใน หากพี่น้องบ้านแซะให้ความสนใจและร่วมมือกัน โครงการนี้จะไม่เพียงแค่สำเร็จในเชิงเศรษฐกิจ แต่จะเป็นต้นแบบของความสามัคคี และความภาคภูมิใจที่เราสามารถสร้างสิ่งดี ๆ ด้วยมือของเราเอง
ขอเชิญพี่น้องทุกท่านมาร่วมกันปลุกชีวิตร้านค้าชุมชนของเราให้กลับมาอีกครั้ง เพราะบ้านของเรา จะเข้มแข็งได้ ด้วยมือของพวกเราทุกคน