วันที่: 16/06/2025
LINE Icon LINE Icon Hover
LINE

ประวัติบ้านแซะ หมู่ที่ 6 ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา

ประวัติบ้านแซะ: รากเหง้าของชุมชนชายแดนใต้
บ้านแซะ หมู่บ้านในหุบเขา
บ้านแซะ หมู่บ้านในหุบเขา

ย้อนกลับไปประมาณ 50 ปี ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 จะเกิดขึ้น หรือประมาณ พ.ศ. 2400-2405 ประมาณต้นสมัยรัชกาลที่ 5 ราชวงศ์จักรี ได้มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่ง ซึ่งเป็นทหารปลดประจำการประมาณ 10 กว่าคนที่เพื่อนกัน ได้เดินทางลงมากจากหัวเมืองทางทิศเหนือไม่ทราบชัดว่ามาจากหัวเมืองใด

ออกจากหัวเมืองมา โดยจุดประสงค์เพื่อหลีกหนีวิถีชิวิตแบบเดิมๆ ออกเดินเท้ามาเรื่อย แรมเดือน แรมปี เพื่อหา สถานที่พำนักตั้งรกรากใหม่โดยมุ่งหวังที่ดินอุดมสมบูรณ์ มีป่าเขาลำธาร เพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบ และช่วงท้ายของการเดินทาง มีทหาร 2 คน แยกตัวออกมาเดินลงมาทางใต้ จนถึง บ้านเสะปัจจุบัน หรือบ้านเกษมรัตน์ ชายคนแรกก็ตกลงจะปักหลักที่นั่น ส่วนอีกคนนึ่ง ยังคงเดินทางเรื่อยๆ ลงมาอีก และคนนั้น ได้ทราบภายหลังว่าชื่อไชยสีหมัด ต่อมาชาวบ้านเรียก ทวดไชยสีหมัด
ทวดไชยสีหมัดเดินทางมาถึงพื้นที่บ้านแซะปัจจุบัน ได้พบต้นประดู่ใหญ่ อายุหลายร้อยปี และพื้นที่ล้อมรอบด้วยภูเขา ป่าอุดมสมบูรณ์มีธารน้ำไหล ซึ่งใกล้ๆต้นประดู่นั้น เป็นดงต้นแซะหนาแน่น เขียวชอุ่ม ใหญ่น้อยจำนวนมาก บริเวณต้นแซะใหญ่มีบ่อน้ำธรรมชาติ น้ำใสกว้างใหญ่พอประมาณ เชื่อมต่อกับลำธารใหลผ่าน น้ำอุดมสมบุรณ์ไม่ขาดสาย ด้วยทวดไชยสีหมัดเป็นคนที่มีความเป็นผู้นำสูง และประกอบด้วยมีความเชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์เวทมนต์ มีภูมิสูง ได้มองเห็นภายหน้าพื้นที่แห่งนี้เหมาะเหมาะสมที่จะตั้งรกราก ลูกหลานจะอุดมสมบูรณ์ พร้อมทรัพยากรณ์ไม่ขาด จึงตั้งใจ ตั้งหลักปักฐานอยู่ที่นี่

หลังจากนั้นทวดไชยสีหมัดได้ส่งข่าวนี้ไปยังเพื่อนเพื่อชวนมาอยู่ด้วยกัน มีเพื่อมาอยู่ด้วยกันประมาณ 5-6 คน เดินทางมาอยู่ด้วยกัน เริ่มก่อตั้งบ้านเรือน บริเวณต้นแซะนั้นและรอบๆ อยู่มาระยะนึ่งนานพอสมควร ทวดไชยสีหมัดก็อายุมากขึ้นเข้าสู่วัยกลางคน ด้วยเป็นคนที่มีความรู้ มีความเป็นผู้นำ และมีความความชี่ยวชาญทางไสยศาสตร์เวทมนต์ ทำให้ผู้คนได้ยินชื่อเสียง มีผู้คนได้เดินทางมาอาศัยด้วยเพิ่มขึ้นโดยมาจากทางทิศไต้ (หรือท่าแมงลักปัจจบัน รวมถึงทางทิศตะวันออก คือหัวสวน เกาะสะบ้าปัจจุบัน) ประมาณก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เล็กน้อย ทำให้หมู่บ้านนี้ มีประชากรมาณ 20 กว่าคน หมู่บ้านได้พัฒนามาเรื่อยๆ

ด้วยที่ตั้งหมู่บ้าน มีดงต้นแซะ และบ่อน้ำธรรมชาติใต้ต้นแซะ ทำให้ข่าวแพร่ออกไป เริ่มมีการชักชวนผู้คนมาอยู่อาศัยเพิ่มขึ้นโดยเรียกว่า บ้านบ่อต้นแซะ นับแต่นั้นมา
ทวดไชยสีหมัดมีชื่อเสียงมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนมากราบใหว้ สักการะ มากขึ้น แต่ทวดไชยสีหมัด เต็มไปด้วยคุณธรรมและภมิธรรม ได้พร่ำสอนทุกคน ให้ยึดมั่นความดี เชื่อในหลักธรรม ใช้ชีวิตไม่ประมาท และไม่ต้องการให้คนมากราบใหว้ตน แต่ไม่สามารถหยุดความศัทธาได้ ทวดไชยสีหมัดเริ่มหน่ายกับการเป็นอยู่ให้คนมากราบใหว้ จึงได้หลีกเร้นตัวเองขึ้นไปพักอาศัยบนภูเขาใกล้ๆ ต่อมาเรียกว่าเขารังเกียจ (อนุมาณได้ว่าตั้งชื่อใว้เพื่อให้เป็นอุทหารณ์ว่า เขานี้รังเกียจคนที่ไม่เข้าใจหลักธรรม รังเกียจคนที่มากราบใหว้บูชา) อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็ไม่วาย กราบใหว้บูชา
ต่อมา เรื่องของทวดไชยสีหมัดขาดหายไป สืบเนื่องจากการปลีกตัวไปนี้เอง อย่างไรก็ตามชาวบ้านก็ยังคงระลึกถึง และให้ความเคารพต่อทวดไชยสีหมัด และขนานนามใว้เป็นทวดเขารังเกียจด้วย ตราบมาจนทุกวันนี้

ต่อมาประมาณปี พศ 2500 หรือก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ชื่อที่เคยเรียก บ่อต้นแซะ ก็ค่อยๆเปลี่ยนหรือเพี้ยนไป เป็นบ้านแซะในเวลาต่อมา และผู้คนก็ไหลเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยพื้นที่อุมสมบูรณ์ชัยภูมิเหมาะสม และชื่อเสียงของทวดไชยสีหมัด ประชากรเพิมขึ้นประมาณ 100 กว่าคน เริ่มมีความครึกครื้นแต่มาด้วยปัญหาการดูแลไม่ทั่วถึง ต้นแซะค่อยลดลง ตายไปบ้างโดนตัดทำลายบ้าง แต่บ่อน้ำยังคงอยู่ ประมาณช่วงเวลนั้น บ่อน้ำใต้ต้นแซะเริ่มเซาะกร่อน นายเรือง มาหลงก็ได้ทำกาสร้างเป็นบ่อขึ้นมาใหม่ กลายเป็นบ่อน้ำที่สร้างโดยฝีมือมนุษย์เพื่อต้องการรักษาใว้ ซึ่งได้มี นายแก้วและนายปาน ธรรมรัตน์ ได้มาต่อเติมปรับปรุงภายหลัง

หลังจากนั้นมาไม่นาน ต้นแซะที่เหลืออยู่ก็ถูกทำลายและล้มตายไปตามเวลา เหลือแต่บ่อน้ำที่ถูกทอดทิ้งใว้เป็นมรดกยังคงอยู่แต่สภาพไม่เหมือนเดิมแล้ว

ในช่วงเวลประมาณ พ.ศ. 2510 เป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงของบ้านแซะ ซึ่งตอนนั้นมีประชากรประมาณ 200-250 คน เริ่มการรวมตัวกันเพื่อสร้างสถานประกอบพิธีทางศาสนา โดยมีหัวเรือใหญ่ ได้บริจาคที่ดินประมาณ 20 ไร่ เชิงเขาแก้ว ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้าน ได้แก่นายรุ่ง สีหมัด นายฉัน บุญเรืองรุ่ง และนายเซี่ยง แดงหนอแดง ประกอบ กับพื้นที่ดังกล่าว มีต้นไม้หญ่ 1 ต้น นั้นคือต้นแซะ ทำให้พื้นที่ตรงนั้น เป็นการสืบทอดตำนานหมู่บ้านต่อมาอีกรอบ และเป็นต้นแซะต้นเดียวที่เหลืออยู่ (วัดเขาแก้ว(บ้านแซะ ปัจจุบัน))

หลังจากได้ข้อสรุปและที่ดินแล้ว ในปี พ.ศ. 2511 ก็จัดทำเป็นสำนักสงฆ์ ชั่วคราว โดยมีพระเถระ หลวงพ่อลอย ได้เข้ามาจำพรรษา และเริ่มก่อสร้างศาสนสถานตามกำลัง โดยทำไปเรื่อยๆ แบบฉบับชาวบ้านสมัยก่อน ต่อมาได้รับอนุญาตให้สร้างวัดอย่างเป็นทางการในวันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2513 ประกาศตั้งเป็นวัดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2520 โดยตั้งชื่อว่า “วัดเขาแก้ว” ตามชื่อเชิงเขาแก้วที่ตั้งวัด ชาวบ้านบางส่วนเรียกขานว่า “วัดเขาแก้ว(บ้านแซะ)”. จนทุกวันนี้

จากอดีตถึงปัจจบัน ตั้งแต่ปี 2484 ตั้งแต่มีการแต่งตั้งนายบ้าน หรือผู้ใหญ่บ้านครั้งแรกของบ้านแซะถึงปัจจุบัน มีผู้ใหญ่บ้านมาแล้ว 10 คน (แต่ไม่มีข้อมูลแน่ชัดหรือบันทึกใว้ว่าอยู่ในตำแหน่งระยะเวลาเท่าใหร่บ้าง) ดังนี้

  1. นายตีบ บุญเรืองรุ่ง
  2. นายขาว พรหมสูง
  3. นายปลอด สีหมัด
  4. นายแดง บุญสร้างสม *
  5. นายแจ้ง จันทร์เพชรศรี
  6. นายรุ่ง สีหมัด
  7. นายเขียน ธรรมรัตน์ (ผู้บันทึกประวัติบ้านแซะ)
  8. นายแปลก แก้วเป็นบุญ
  9. นายวิน บุญเรืองรุ่ง
  10. นายนภดล อาญาพิทักษ์ (ต่อมาได้เป็นกำนัน)
  11. รอข้อมูลปัจจุบันรอการอัปเดต)

ส่วนเพิ่มเติม
การตั้งถิ่นฐานและพัฒนาการชุมชน
ในระยะเริ่มแรก บ้านแซะมีลักษณะเป็นชุมชนพึ่งพาตนเอง ชาวบ้านมีอาชีพหลักคือการทำนา ทำไร่ และเลี้ยงสัตว์ การศึกษาเข้าถึงได้ยาก จึงมีเฉพาะพระสงฆ์หรือนักบวชเท่านั้นที่ได้รับการศึกษาสูงสุดในสมัยนั้น
ด้านสาธารณสุข ชาวบ้านใช้วิธีรักษาแบบพื้นบ้าน เช่น การต้มสมุนไพรหรือใช้ยาท้องถิ่นรักษาไข้ทั่วไป ไข้มาลาเรีย และไข้ทรพิษ
การเดินทางในอดีตอาศัยการเดินเท้าหรือเกวียน ชาวบ้านต้องออกเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเพื่อนำผลผลิตไปขายในตลาดเช่นที่ จะนะ หรือ ท่าแมงลัก แม้เส้นทางจะเต็มไปด้วยอันตรายจากสัตว์ป่าโดยเฉพาะเสือที่ชุกชุมในอดีต

บ้านแซะปัจจุบัน
บ้านแซะมี 410 หลังคาเรือน
ประชากรทั้งหมด 1189 คน แบ่งเป็น
ชาย — คน
หญิง — คน
อาชีพหลักคือ เกษตรกรรม ร้อยละ 90.9 และยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม
มี ต้นประดู่ เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้าน

การขยายตัวของครัวเรือนเริ่มเด่นชัดหลังจากมีการจัดตั้งวัดและศาลากลางบ้านในช่วงต้นทศวรรษ 2510 – 2520 ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวบ้านและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน ทำให้จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากข้อมูลชาวบ้านรุ่นเก่า ในช่วงปี พ.ศ. 2530 มีประชากรประมาณ 450–500 คน และในปี พ.ศ. 2545 มีมากกว่า 700 คน ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็นเกือบ 1,000 คนในปัจจุบัน

แนวโน้มการเพิ่มขึ้นของประชากรในบ้านแซะจึงสะท้อนถึงการพัฒนาอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยยังคงความเป็นชุมชนชนบทที่พึ่งพาอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลักและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างสมาชิกในชุมชน

ข้อมูลทั่วไป
บ้านแซะ หมู่ที่ 6 ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เป็นหนึ่งในชุมชนชนบทที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ทั้งด้านภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ความเชื่อ และโครงสร้างประชากรที่สะท้อนถึงความผูกพันอันแนบแน่นระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ และสังคมในท้องถิ่น

ลักษณะทางภูมิศาสตร์
บ้านแซะมีพื้นที่ประมาณ 10,351 ไร่ ตั้งอยู่ในตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา มีลักษณะภูมิประเทศเป็นที่ราบเนินสลับเขา มีแหล่งน้ำธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวอุดมสมบูรณ์ มีแนวเขาตะวันตกเป็นแนวกันลมจากทะเล

อาณาเขตติดต่อ:
ทิศเหนือ: บ้านท่าแมงลัก
ทิศตะวันออก: บ้านหัวสวน และเกาะสบ้า
ทิศใต้: บ้านสะพานไม้แก่น และบ้านใหม่ คลองยอ
ทิศตะวันตก: บ้านท่าแมงลัก และสะพานไม้แก่น
แม้จะเป็นชุมชนชนบท แต่บ้านแซะอยู่ห่างจากถนนเพชรเกษมเพียง 10 กิโลเมตร ทำให้มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเมืองใกล้เคียง

ภูมิอากาศ
บ้านแซะอยู่ในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้น (Tropical Rainforest Climate) มีฝนตกชุกตลอดปี โดยเฉพาะในช่วงปลายปี มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีประมาณ 26-32 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์สูง ทำให้พื้นที่มีความเขียวชอุ่มและเหมาะแก่การเพาะปลูก

คำขวัญเดิมบ้านแซะ
” แซะ ประดูคู่บ้าน นามขานไชยสีหมัด วัฒนธรรมท้องถิ่น กินน้ำบ่อใต้ไทร ศาลารวมใจพัฒนา ปรัชญาเศรษกิจพอเพียง เลี่ยงยาเสพติด

คำขวัญใหม่บ้านแซะ (โดยนายสิงห์ทอง มณีรัตน์)
แซะ–ประดู่ คู่บ้าน ถิ่นศักดิ์สิทธิ์
ไชยสีหมัด พิชิตภัย ใจปกป้อง
พี่น้องรวมใจ สามัคคี ไม่หม่นหมอง
พัฒนาบ้าน พัฒนาตน ตามครรลอง
เลี่ยงเสพติด ชีวิตพอเพียง ตามพ่อหลวงไทย

บันทึกเรื่องราวและชำระใหม่โดย นายสิงห์ทอง มณีรัตน์

รายงานโดย.ทีมข่าวบ้านแซะนิวส์ : ต้องการส่งข้อมูลให้เราลงข่าวให้ คลิกที่นี่ เลย

Leave a Reply

Your email address will not be published.

ราภร รอดสุวรรณ
Previous Story

พบแล้ว! บันทึกประวัติ “บ้านแซะ” หลังจากตามหามานานนับเดือน

อาสาจราจร
Next Story

ถึงเวลาแล้วหรือยัง…ที่ “บ้านแซะ” จะมี อาสาจราจร ของเราเอง?

Latest from Blog

นิ้วก้อย บาร์เบอร์

ขอบคุณ “นิ้วก้อย บาร์เบอร์” จิตอาสาผู้มีหัวใจบริการ

ร่วมสร้างรอยยิ้มในงานทอดผ้าป่าสามัคคีวัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) ในบรรยากาศแห่งศรัทธาและความสามัคคีของงาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) เมื่อวันที่
ตีกลองยาวสร้างรอยยิ้ม

นายบ้าน “แพน” แห่งบ้านท่าแมงลักผู้นำต้นแบบ ผู้จุดประกายวัฒนธรรมสู่หัวใจของเยาวชน

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การธำรงรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ หัวใจ และวิสัยทัศน์ของผู้นำท้องถิ่นที่เข้มแข็ง และวันนี้ บ้านท่าแมงลัก ตำบลสะกอม อำเภอเทพา

กลุ่มลูกหลานนักเรียนโรงเรียนบ้านแซะ เดินรณรงค์ “งดสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” วอนพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมสนับสนุน

วันนี้ (วันที่ 10 มิถุนายน 2568) กลุ่มลูกหลานนักเรียนโรงเรียนบ้านแซะ ได้รวมพลังกันจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ภายในชุมชน เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนงดสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
อำนาจอยู่ในมือ

ชาวบ้านธรรมดาจะเดินได้อย่างไร…เมื่อมัวแต่รออำนาจรัฐ?

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โครงสร้างอำนาจซับซ้อน และความเหลื่อมล้ำขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ ชาวบ้านธรรมดาหลายร้อยคนคนกำลังรู้สึกว่า “เราเดินไปต่อไม่ได้” จนกว่าหน่วยงานรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ หรือเปลี่ยนแปลงระบบให้ก่อน
Go toTop

Don't Miss

นิ้วก้อย บาร์เบอร์

ขอบคุณ “นิ้วก้อย บาร์เบอร์” จิตอาสาผู้มีหัวใจบริการ

ร่วมสร้างรอยยิ้มในงานทอดผ้าป่าสามัคคีวัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) ในบรรยากาศแห่งศรัทธาและความสามัคคีของงาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) เมื่อวันที่
ตีกลองยาวสร้างรอยยิ้ม

นายบ้าน “แพน” แห่งบ้านท่าแมงลักผู้นำต้นแบบ ผู้จุดประกายวัฒนธรรมสู่หัวใจของเยาวชน

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การธำรงรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ หัวใจ และวิสัยทัศน์ของผู้นำท้องถิ่นที่เข้มแข็ง และวันนี้ บ้านท่าแมงลัก ตำบลสะกอม อำเภอเทพา