บ้านแซะ เป็นชื่อของหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในภาคใต้ของประเทศไทย ชื่อของหมู่บ้านนี้มีรากฐานมาจากสิ่งที่ธรรมชาติได้มอบให้ นั่นคือต้นไม้ใหญ่ที่ชื่อว่า “ต้นแซะ” ซึ่งเคยยืนต้นอย่างสง่างามเคียงข้างบ่อน้ำธรรมชาติที่ชาวบ้านใช้ดื่มกินและพักผ่อนในอดีต
ต้นแซะต้นนั้นเคยเป็นสัญลักษณ์ของหมู่บ้าน เป็นทั้งศูนย์รวมจิตใจและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แน่นแฟ้นระหว่างผู้คนกับธรรมชาติ
น่าเสียดายที่ต้นแซะต้นดั้งเดิมได้ล้มตายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันเหลือเพียงต้นแซะต้นเดียวที่ยังคงยืนต้นอยู่ในบริเวณวัดเขาแก้ว บ้านแซะ แม้จะเป็นต้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่กลับขาดการดูแลเอาใจใส่ พื้นที่โดยรอบต้นแซะยังคงเป็นลานดินธรรมดา ไม่ได้มีการปรับปรุงให้เกิดประโยชน์หรือกลายเป็นสถานที่ที่แสดงถึงคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์ของต้นไม้ประจำหมู่บ้านต้นนี้
แนวความคิดที่จะปรับปรุงลานต้นแซะจึงถือกำเนิดขึ้นจากความห่วงใยและตระหนักในคุณค่าของมรดกท้องถิ่น ผู้ริเริ่มแนวคิดเล็งเห็นว่า หากปล่อยให้ต้นแซะต้นสุดท้ายนี้เสื่อมโทรมลงตามธรรมชาติ เราอาจสูญเสียร่องรอยสำคัญที่บ่งบอกถึงรากเหง้าของชุมชนบ้านแซะไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
วัตถุประสงค์หลักของการปรับปรุงลานต้นแซะ มีอยู่ 3 ประการ ได้แก่ 1) การบำรุงรักษาและดูแลต้นแซะให้เจริญงอกงามต่อไป 2) การพัฒนาพื้นที่โดยรอบให้กลายเป็นลานปูนปูหินอ่อนที่สะอาด สวยงาม และเหมาะสมกับการใช้งานในด้านต่าง ๆ 3) การส่งเสริมให้พื้นที่แห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางความเชื่อ รวมถึงการพักผ่อนหย่อนใจของชุมชน
ต้นแซะไม่ใช่เพียงต้นไม้ที่ให้ร่มเงาเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของชื่อหมู่บ้าน เป็นความทรงจำร่วมของคนรุ่นเก่าที่เคยเติบโตมากับต้นไม้ต้นนี้ และเป็นสิ่งที่สามารถปลุกจิตสำนึกให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาและธรรมชาติที่บรรพบุรุษเคยมีและเคยเคารพ
การปรับปรุงลานต้นแซะจะช่วยให้พื้นที่แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางของชุมชนอีกครั้ง ไม่ว่าจะใช้เป็นสถานที่จัดงานบุญ งานประเพณี การแสดงศิลปวัฒนธรรม หรือแม้กระทั่งเป็นลานนั่งพักผ่อนสำหรับผู้สูงวัยและเด็กเล็กในหมู่บ้าน การมีพื้นที่ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับทุกคน และยังสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้สำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้มาเยือนให้รู้จักกับประวัติศาสตร์ท้องถิ่นที่มีชีวิต
อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ โดยเฉพาะในด้านข้อจำกัดเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดินซึ่งเป็นพื้นที่ของวัด และความจำเป็นในการจัดทำประชาพิจารณ์เพื่อให้ชาวบ้านทุกคนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ นอกจากนี้ การจัดหาเงินทุนสำหรับการปรับปรุงก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญที่จะต้องหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะผ่านการระดมทุน การขอสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ หรือการจัดกิจกรรมหารายได้ในชุมชนเอง
แต่หากความตั้งใจนี้ได้รับการสนับสนุนและดำเนินการอย่างจริงจัง ผลลัพธ์ที่ตามมาจะมีคุณค่ามหาศาล ไม่เพียงต่อชุมชนบ้านแซะเท่านั้น แต่ยังเป็นแบบอย่างของการอนุรักษ์มรดกท้องถิ่นที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกหมู่บ้านของประเทศไทย ลานต้นแซะจะกลายเป็นพื้นที่สาธารณะคุณภาพสูง เป็นพื้นที่แห่งความทรงจำ ความภาคภูมิใจ และเป็นที่รวมพลังใจของชุมชนบ้านแซะอย่างแท้จริง
การฟื้นฟูต้นแซะและลานโดยรอบไม่ใช่เพียงการปรับปรุงทางกายภาพ แต่เป็นการรื้อฟื้นจิตวิญญาณของหมู่บ้าน เป็นการเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และอนาคตไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น และหากโครงการนี้สำเร็จลงได้จริง จะเป็นบทพิสูจน์ว่าชาวบ้านแซะไม่ได้หลงลืมรากเหง้าของตนเอง และยังคงรักษาสิ่งที่บรรพบุรุษเคยรัก เคยใช้ และเคยให้คุณค่า ไว้ให้ลูกหลานได้เรียนรู้และสืบสานต่อไป