วันที่: 22/06/2025
LINE Icon LINE Icon Hover
LINE
22/06/2025
13 mins read

บ้าน วัด โรงเรียน (บวร): รากฐานแห่งการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน”

บวร บ้านแซะ
บวร บ้านแซะ

ที่มาของแนวคิด “บวร” ตามพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9

คำว่า “บวร” ในความหมายของการพัฒนาชุมชน มีที่มาอันทรงคุณค่าจาก แนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช (รัชกาลที่ 9) ซึ่งทรงเห็นว่า การพัฒนาที่ยั่งยืนของชุมชนไทยต้องอาศัยการประสานพลังของ 3 สถาบันหลัก ได้แก่ บ้าน วัด และโรงเรียน อันเป็นหน่วยพื้นฐานของสังคมไทยที่มีบทบาทร่วมในการหล่อหลอมชีวิตของประชาชนตั้งแต่วัยเยาว์จนถึงวัยผู้ใหญ่

พระองค์ทรงเน้นย้ำว่า หากสถาบันทั้งสามนี้ร่วมกันขับเคลื่อนและทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ ชุมชนจะเข้มแข็งอย่างแท้จริง ซึ่งแนวคิดนี้ต่อมาได้ถูกเรียกโดยย่อว่า “บวร” ซึ่งหมายถึง:

  • บ = บ้าน : ศูนย์รวมของครอบครัว เป็นจุดเริ่มต้นของการปลูกฝังคุณธรรมและวินัย
  • ว = วัด : ศูนย์รวมจิตใจและศีลธรรมของชุมชน
  • ร = โรงเรียน : ศูนย์รวมแห่งความรู้ การพัฒนาเยาวชน และอนาคตของชาติ

บวร: สามเสาหลักที่ต้องไปด้วยกัน

  • บ้าน คือจุดเริ่มต้นของชีวิต เป็นสถานที่ปลูกฝังพฤติกรรมและค่านิยมพื้นฐาน เป็นที่ที่เด็กได้เรียนรู้ความรัก ความรับผิดชอบ และความอบอุ่น
  • วัด เป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชน สร้างศีลธรรม สติ และคุณธรรม เป็นสถานที่จัดกิจกรรมทางศาสนาและสืบสานวัฒนธรรมประเพณี
  • โรงเรียน คือแหล่งวิชาความรู้ ฝึกฝนทักษะ เตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่เปลี่ยนแปลง

ทั้งสามสิ่งนี้เปรียบเสมือนเสาหลักที่ยึดโยงกัน ถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไป การพัฒนาชุมชนก็จะขาดความสมดุล เช่นเดียวกับเกวียนที่มีสามล้อ หากล้อใดล้อหนึ่งเสีย หรือล้มหาย เกวียนนั้นก็ไม่สามารถเดินหน้าไปได้อย่างมั่นคง

แนวทางการพัฒนาชุมชนด้วยหลัก “บวร”

  1. บ้านต้องเข้มแข็ง
    • ส่งเสริมครอบครัวอบอุ่น พ่อแม่ให้เวลากับลูก ดูแลซึ่งกันและกัน
    • ปลูกฝังคุณธรรมตั้งแต่ในบ้าน ไม่ปล่อยให้โรงเรียนเป็นฝ่ายเดียวที่สอน
  2. วัดต้องเป็นศูนย์กลางจิตใจ
    • เปิดพื้นที่ให้เยาวชนและประชาชนเข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น สวดมนต์ อาสา พัฒนา
    • พระสงฆ์ควรเป็นผู้นำทางธรรม ให้คำแนะนำด้านจริยธรรมโดยไม่ห่างเหินจากชุมชน
  3. โรงเรียนต้องเชื่อมโยงกับบ้านและวัด
    • จัดกิจกรรมที่บูรณาการความรู้กับคุณธรรม เช่น โครงการบวรศึกษา จิตอาสา ทอดผ้าป่าการศึกษา
    • เปิดพื้นที่การเรียนรู้ให้บ้านและวัดเข้ามาร่วม

หากละเลยสิ่งหนึ่งสิ่งใด…จะเกิดอะไรขึ้น?

  • หากพัฒนาแต่บ้าน ไม่พัฒนาโรงเรียนและวัด
    คนในบ้านอาจจะมีวัตถุ มีเงินทอง แต่ขาดหลักธรรม ขาดวิชาความรู้ ทำให้สังคมวุ่นวายเพราะขาดศีลธรรมและวิสัยทัศน์
  • หากพัฒนาแต่โรงเรียน ไม่สนใจบ้านและวัด
    เด็กจะเรียนเก่งแต่ขาดภูมิคุ้มกันทางจิตใจ เพราะไม่มีวัดปลูกจิตสำนึก และไม่มีบ้านอบอุ่นที่คอยโอบอุ้ม
  • หากพัฒนาแต่วัด ไม่เชื่อมโยงบ้านและโรงเรียน
    ธรรมะอาจมีแต่ไร้ผู้ฟัง ศีลธรรมถูกละเลยในชีวิตจริง และกลายเป็นเพียงพิธีกรรมที่ห่างไกลผู้คน

“ไม่เอาพรรค เอาแต่พวก” กับการละเลย “บวร”

แนวคิด “ไม่เอาพรรค เอาแต่พวก” หมายถึง การเลือกทำงานกับกลุ่มคนที่ตนเองสนิทหรือไว้ใจ โดยไม่มองถึงระบบหรือเป้าหมายส่วนรวม เป็นแนวคิดที่อันตรายต่อการพัฒนาชุมชน เพราะ…

  • เมื่อผู้นำเลือกเอาแต่พวกบ้าน ไม่เอาวัด ไม่เอาโรงเรียน
    จะเกิดความลำเอียงในนโยบาย พัฒนาชุมชนแบบเฉพาะกลุ่ม ทำให้วัดและโรงเรียนถูกทอดทิ้ง เกิดความแตกแยก
  • ถ้าผู้นำเอาแต่โรงเรียน ละเลยบ้านกับวัด
    ชุมชนอาจมีแต่แผนการเรียนรู้บนกระดาษ ขาดรากฐานทางวัฒนธรรมและความเป็นมนุษย์
  • หรือหากวัดถูกรวมเป็น “พวก” ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
    วัดจะไม่เป็นกลาง ขาดความน่าเชื่อถือ และศูนย์รวมใจของชุมชนก็จะสูญหาย

การพัฒนาชุมชนให้เจริญรุ่งเรืองจึงต้องพ้นจากความลำเอียงแบบ “เอาแต่พวก” แต่ต้องหันมา “รวมพรรค รวมพลัง” ของทั้ง บ้าน วัด และโรงเรียน เพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยกัน

สรุป

สรุป: พัฒนาให้ครบทั้ง “บวร” ไม่ละเลยสิ่งใด

การพัฒนาชุมชนที่มั่นคงและยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ บ้าน วัด และโรงเรียน ได้รับการส่งเสริมควบคู่กัน โดยไม่มีสิ่งใดถูกละเลย

แนวทาง “บวร” ตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงเป็นกรอบคิดที่ควรถูกนำมาใช้จริง และพัฒนาให้เข้ากับบริบทของแต่ละชุมชน ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านเล็กหรือเมืองใหญ่

หากเราร่วมมือกัน ไม่แบ่งพวก แบ่งพรรค แต่แบ่งปันกำลังใจและหน้าที่ ชุมชนใดก็จะรุ่งเรืองได้

รายงานโดย.ทีมข่าวศูนย์วิทยุบงกช : เชิญชวน ชาวบ้านแซะ ท่าแมงลัก หัวสวน เกาะสะบ้า สะพานไม้แก่น มาร่วมเป็นเครือข่ายข่าวชุมชนกับเรา ส่งข้อมูลให้เราลงข่าวให้ คลิกที่นี่ เลย

Leave a Reply

Your email address will not be published.

Previous Story

โครงการแปรรูปขยะรีไซเคิลเป็นวัสดุของใช้: จุดเริ่มต้นของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

Latest from Blog

โครงการแปรรูปขยะรีไซเคิลเป็นวัสดุของใช้: จุดเริ่มต้นของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ตำบลสะกอม ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้และฝึกปฏิบัติเรื่อง
นิ้วก้อย บาร์เบอร์

ขอบคุณ “นิ้วก้อย บาร์เบอร์” จิตอาสาผู้มีหัวใจบริการ

ร่วมสร้างรอยยิ้มในงานทอดผ้าป่าสามัคคีวัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) ในบรรยากาศแห่งศรัทธาและความสามัคคีของงาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) เมื่อวันที่
ตีกลองยาวสร้างรอยยิ้ม

นายบ้าน “แพน” แห่งบ้านท่าแมงลักผู้นำต้นแบบ ผู้จุดประกายวัฒนธรรมสู่หัวใจของเยาวชน

ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การธำรงรักษาวัฒนธรรมท้องถิ่นถือเป็นภารกิจสำคัญที่ต้องอาศัยทั้งความเข้าใจ หัวใจ และวิสัยทัศน์ของผู้นำท้องถิ่นที่เข้มแข็ง และวันนี้ บ้านท่าแมงลัก ตำบลสะกอม อำเภอเทพา

กลุ่มลูกหลานนักเรียนโรงเรียนบ้านแซะ เดินรณรงค์ “งดสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” วอนพ่อแม่ผู้ปกครองร่วมสนับสนุน

วันนี้ (วันที่ 10 มิถุนายน 2568) กลุ่มลูกหลานนักเรียนโรงเรียนบ้านแซะ ได้รวมพลังกันจัดกิจกรรมเดินรณรงค์ภายในชุมชน เพื่อเชิญชวนให้ทุกคนงดสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
อำนาจอยู่ในมือ

ชาวบ้านธรรมดาจะเดินได้อย่างไร…เมื่อมัวแต่รออำนาจรัฐ?

ในโลกที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว โครงสร้างอำนาจซับซ้อน และความเหลื่อมล้ำขยายตัวออกไปเรื่อย ๆ ชาวบ้านธรรมดาหลายร้อยคนคนกำลังรู้สึกว่า “เราเดินไปต่อไม่ได้” จนกว่าหน่วยงานรัฐจะเข้ามาช่วยเหลือ หรือเปลี่ยนแปลงระบบให้ก่อน
Go toTop

Don't Miss

โครงการแปรรูปขยะรีไซเคิลเป็นวัสดุของใช้: จุดเริ่มต้นของการพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา กองสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อม ตำบลสะกอม ได้จัดกิจกรรมให้ความรู้และฝึกปฏิบัติเรื่อง
นิ้วก้อย บาร์เบอร์

ขอบคุณ “นิ้วก้อย บาร์เบอร์” จิตอาสาผู้มีหัวใจบริการ

ร่วมสร้างรอยยิ้มในงานทอดผ้าป่าสามัคคีวัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) ในบรรยากาศแห่งศรัทธาและความสามัคคีของงาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ณ วัดเขาแก้ว (บ้านแซะ) เมื่อวันที่